วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

เออ!...ทำอะไรตูก็ผิดไปหมด

1. ผู้หญิงให้ผู้ชายเลี้ยง เรียก "แม่บ้าน"
ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยง เรียก"แมงดา"

2. ผู้หญิงนุ่งกางเกง เรียก "ทะมัดทะแมง"
ผู้ชายนุ่งกระโปรง เรียก "อีตุ๊ด"

3. ผู้หญิงทำงานของผู้ชาย เรียก "หญิงเหล็ก"
ผู้ชายทำงานผู้หญิง เรียก "กินแรง"

4. ผู้หญิงถ่ายนู้ด เรียก "ศิลปะ"
ผู้ชายถ่ายนู้ด เรียก "หากินกับเกย์"

5. ผู้หญิงนั่งผู้ชายยืนบนรถเมล์ เรียก"โปรดเอื้อเฟื้อแก่ เด็ก สตรี คนชรา"
ผู้ชายนั่งผู้หญิงยืนบนรถเมล์ เรียก "เห็นแก่ตัว"

6. ผู้หญิงแต่งหน้า เรียก "ไก่งามเพราะขน"
ผู้ชายแต่งหน้า เรียก "คนวิปริต"

7. ผู้หญิงผอม เรียก "หุ่นดี"
ผู้ชายผอม เรียก "ขี้ก้าง"

8. ผู้หญิงไม่แต่งงาน เรียก "หญิงยุคใหม่พึ่งตัวเอง"
ผู้ชายไม่แต่งงาน เรียก "เป็นเกย์แน่ๆ"

9. ผู้หญิงสมัยม.ปลาย "เดินสยาม"
ผู้ชายสมัยม.ปลาย "ตัดผมเกรียน เรียน รด."

10. ผู้หญิงต่อยผู้ชาย เรียก "นางเอกนักบู๊"
ผู้ชายต่อยผู้หญิง เรียก "หน้าตัวเมีย"

11. ผู้หญิงมีเพื่อนเป็นกะเทย เรียก "เพื่อนสาว"
ผู้ชายมีเพื่อนเป็นกะเทย เรียก"เอ...หรือมันจะเป็นไปกับเค้าด้วย"

12. ผู้หญิงถูกข่มขืน เรียก "เหยื่อ"
ผู้ชายถูกข่มขืน เรียก "เป็นโชค"

13. ผู้หญิงทักผู้หญิงแปลกหน้าก่อน เรียก "ทักทาย"
ผู้ชายทักผู้หญิงแปลกหน้าก่อน เรียก "หน้าหม้อ"

14. ผู้หญิงทักผู้ชายแปลกหน้าก่อน เรียก"มนุษยสัมพันธ์ดี"
ผู้ชายทักผู้ชายแปลกหน้าก่อน เรียก "เฮ้ย!!! แม่งจะเอาตูดKU"

15. ผู้หญิงให้ผู้ชายเลี้ยงข้าว เรียก "มารยาท"
ผู้ชายให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว เรียก"....ไม่รู้จะเรียกอะไร เพราะหน้าด้านมาก"

16. ผู้หญิงแก่มากไปไหนมาไหนกับเด็กหนุ่ม เรียก"มากับหลาน"
ผู้ชายแก่มากไปไหนมาไหนกับเด็กสาว เรียก "เฒ่าหัวงู"

17. ผู้หญิงฉี่ในห้อง เรียก "เรื่องธรรมดา"
ผู้ชายฉี่ในห้อง เรียก "สงสัยไปขี้"

18. ผู้หญิงปลอมเป็นผู้ชายในละครเรียก "เจ้าสัวน้อยหรือ หยัง"
ผู้ชายปลอมเป็นผู้หญิงในละครเรียก "เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชน"

19. ผู้หญิงอยู่ข้างบนเรียก "woman on top"
ผู้ชายอยู่ข้างบนเรียก "กดขี่"

20. สิทธิสตรี "สิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญ"
สิทธิบุรุษ "จะบ้าเหรอยะ!!! มีด้วยเหรอ"

เครดิต : www.zheza.com

keroro - ขบวนการอ๊บอ๊บป่วนโลก ตอนที่ 51-1

แทสเมเนียเกาะมหัศจรรย์รูปหัวใจ

แทสเมเนียเกาะมหัศจรรย์รูปหัวใจ

แทสเมเนียเกาะมหัศจรรย์รูปหัวใจ (marie claire)เรื่องและภาพ : มนตรี ศรีโอภาศ
ในเดือนที่ความรักคุกรุ่นขนาดนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าหาสถานที่เที่ยวสุดโรแมนติก และเราก็ค้นพบว่าดินแดนรูปหัวใจบน เกาะแทสเมเนีย ของ ประเทศออสเตรเลีย นี่แหละ น่าจะเป็นสถานที่สำหรับคนที่มีความรักกำลังต้องการ
จากน่านฟ้าไกลกว่า 7,000 กิโลเมตร สู่ประเทศออสเตรเลีย ปลายทางครั้งนี้มิใช่อยู่ที่เมืองใหญ่ใจกลางประเทศ หากแต่เป็นเกาะเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศออสเตรเลีย เกาะมหัศจรรย์สวรรค์แห่งทะเลใต้ที่มีรูปร่างละม้ายคล้ายรูปหัวใจอันเป็นสัญลักษญ์แห่งความรัก อีกทั้งยังมีความโดดเด่นทางภูมิทัศน์ที่งดงามแปลกตามากมาย รวมถึงพรรณพืชและสัตว์พิ้นเมืองที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษเหนือที่อื่นใดในโลก



ด้วยความหลากหลายนี้เองจึงทำให้เกาะแห่งนี้ได้รับการประกาศจาก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นพื้นที่มรดกโลก อีกทั้งความสวยงามของอาคารหินทรายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองที่น่าเที่ยวได้อย่างไม่หยุดยั้งแห่งนี้ และที่นี่เองคือเกาะสวรรค์ที่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความสุข "แทสเมเนีย" เกาะรูปหัวใจดวงโตแห่งนี้ ถูกแยกออกจากผืนแผ่นดินใหญ่ในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา และนับได้ว่าเป็นเพียงรัฐเดียวของประเทศออสเตรเลียที่ไม่มีทะเลทราย มีเทือกเขาสูงอยู่หลายแห่งที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว มีชายฝั่งทะเลที่สวยงามไปด้วยหน้าผาหินทรายสีสดและผืนป่าอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ ดินแดนที่ได้รับการยอมรับจากชาวโลกถึงผืนป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ที่มีอากาศบริสุทธิ์แหล่งสุดท้ายในโลกและสายน้ำที่สะอาดที่สุดในโลก เรียกได้ว่าเป็นมลรัฐแห่งธรรมชาติโดยแท้

สัมผัสแผ่นดินแทสซี
ขณะเครื่องบินร่อนลงสู่สนามบินโฮบาร์ตเมืองหลวงของ รัฐแทสเมเนีย(Tasmania) เรามองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินเห็นหมู่เมฆสีขาวปนเทาและฝ้าหมอกกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้ากัปตันประกาศแจ้งสภาพอากาศเบื้องล่างอุณหภูมิราว 12 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นอากาศอบอุ่นสำหรับที่นี่ แต่ค่อนข้างเย็นจนถึงขั้นหนาวเกินไปสำหรับเรา เพียงครึ่งชั่วโมงจากสนามบินเราก็มาถึงตัวเมืองโฮบาร์ต (Hobart) หนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในโลก เนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างภูเขาเวลลิงตันกับทะเล มีทิวทัศน์สวยงามและยังเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลียอีกด้วย


พอดีที่ตรงกับวันเสาร์ ไกด์จึงพามาที่ ซาลาแมนกาเพลส (Salamanca Place) ชุมชนเล็ก ๆ ของชาวแทสเมเนีย ที่เรียงรายไปด้วยตึกเก่าและอาคารโบราณในยุคอาณานิคมอังกฤษ เช้าวันแรกประเดิมด้วยการเที่ยวตลาดนัดวันเสาร์ที่ถนนคนเดินคลาดล่ำไปด้วยผู้คนมาค้าขายและจับจ่ายกันเองอย่างครึกครื้น ที่นี่จัดว่าเป็นย่ายสินค้าประเภทงานฝีมือและงานออกแบบศิลปะแห่งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียทีเดียว มีสินค้าเครื่องใช้ทั้งของมือหนึ่งและมือสองสภาพดีราคาถูกมาวางขายมากมาย ทั้งเสื้อผ้า ของเล่น ของที่ระลึก ซีดีเพลง ภาพเขียน หนังสือ เครื่องหนัง เครื่องดนตรี เครื่องแก้ว เซรามิก ไม้แกะสลัก ฯลฯ รวมทั้งพืชผักผลไม้และดอกไม้ล้วนแล้วแต่น่าซื้อไปหมด






ไม่ใช่จะมีแค่ของมาวางขายกันเท่านั้น ที่ย่านซาลาแมนกาเพลสนี้ยังเป็นศูนย์กลางที่เหล่าศิลปินทั้งหลายใช้เป็นสถานที่ชุมนุมสังสรรค์กันในวันเสาร์ทั้งจิตรกร นักแสดงและนักดนตรี ที่มุมหนึ่งกลางตลาด จอร์จ คัลลากัน ศิลปินที่กำลังวาดลีลากรีดนิ้วอย่างนุ่มนวลพลิ้วไหวลงบนสายพิณตัวเขื่องของเขา บรรเลงออกมาเป็นทำนองเพลงที่ฟังสบายๆ ให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างสูงสุดยอด

ถัดไปทางท้ายถนน เสียงดนตรีอีกวงหนึ่งดังแว่วมาแต่ไกล ต้นเสียงคือเครื่องดนตรี 6 ชิ้นกับชาย 6 คน คนที่ใช้ชื่อวงว่า "Aaruco Libre Salamanca" กำลังดีดสีตีเป่าขลุยแผง (Pan Flute) บรรเลงบทเพลงพื้นเมืองทำนองสนุกสนานที่มีกลิ่นอายของไอริสผสมอยู่นิดๆ ชวนให้อยากเต้นรำเป็นยิ่งนัก สร้างความครึกครื้นให้ทวีมากขึ้นจนกระทั่งเรียกผู้คนเข้ามาล้อมวงกันเต็มลาน เผลอแป๊บเดียวก็หมดไปครึ่งค่อนวันแล้ว พอถึงช่วงบ่ายเราก็มาเดินกลางเมืองเก่าเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่งที่ชื่อ ริชมอนด์(Richmond) เมืองนี้ดูเก๋ไก๋ด้วยบ้านเรือนแบบโบราณท่ามกลางภูมิทัศน์ธรรมชาติสวยงาม ที่นี่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง มีแม่น้ำโคล (Coal River) สายเล็กๆ ไหลผ่าน ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำมีสะพานทอดข้ามไปสู่โบสถ์คาทอลิกเก่า ๆ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นจากหินทรายมานานกว่าร้อยปีมาแล้ว โดยใช้แรงงานนักโทษจากต่างแดนที่ส่งตัวมาคุมขังบนเกาะนี้ ใครมาก็ต้องไปถ่ายรูปสะพานนี้กลับไปทุกคน "เหตุผลนะหรือ....??" ก็เพราะนี่เป็นสะพานหินทรายแห่งแรกของเกาะแทสเมเนียนะสิ

พอร์ตอาร์เธอร์สวรรค์ของนักลงโทษ
เมืองพาร์ตอาร์เธอร์ (Port Arthur) แดนคุกในอดีตแห่งคาบสมุทรแทสมัน บนเส้นทางสาย A9 ที่สองฟากถนนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการปศุสัตว์ ไล่ไปจนจรดชายฝั่งทีอีเกิลฮอว์ก (Eaglehaekneck) ตรงจุดคอคอนนี้มีหน้าผาสูงชันริมทะเลที่น่าสนใจอย่างแทสมันโบลว์โฮลด์ (Tasman Blowhold) หน้าผาชั้นหินทรายที่ถูกแรงคลื่นจากทะเลซัดจนทะลุเป็นโพรงใต้น้ำ พอคลื่นจาก ทะเลซัดเข้าหาโพรงจะเกิดมวลน้ำพวยพุ่งขึ้นสูงราวกับน้ำพุดูสวยดี อีกจุดหนึ่งที่ควรแวะก็คือ แทสมันอาร์ก (Tasman Arch) ผาหน้าตัดอีกแห่งหนึ่งที่ถูกกระบวนการทางธรรมชาติแต่งเติมจนเกิดเป็นรูปลักษณ์แปลกตาสวยงาม



แทสเมเนียเป็นดินแดนธรรมชาติอันแสนงดงามที่เปื่อมไปด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรีบ่งบอกให้ถึงความอบอุ่นแห่งมิตรภาพและความรักอย่างแท้จริง และการที่เราได้มาสัมผัสเกาะรูปหัวใจแห่งนี้สักครั้ง ก็เหมือนมีสวรรค์เป็นส่วนตัวยังไงยังงั้นเลยทีเดียว

ที่มา